เอาละคะ วันนี้เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับ Tense (กาล) คือรูปของกริยาต่างๆ ที่แสดงอาการหรือการกระทำของกริยาในแต่ละประโยค ในช่วงเวลาใด เวลาหนึ่ง ซึ่ง Tense จะแสดงอาการโดยกริยา เพื่อบ่งบอกว่าเป็น Present (ปัจจุบัน), Past (อดีต), Future (อนาคต) เพื่อบอกว่าประโยคนั้นเกิดขึ้น ณ ช่วงเวลาไหนนั่นเองคะ
Tenses หลักในภาษาอังกฤษ จะแบ่งเป็น 4 Tensens ย่อย ได้แก่
1. Simple
2. Continuous
3. Perfect
4. Perfect Continuous
การใช้ Tense ย่อย ๆ ดังที่กล่าวมานั้น อาจจะสร้างความสับสนอยู่ไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตามหากเราสามารถจำโครงสร้างของแต่ละ Tense ได้ ก็จะช่วยให้เราเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดียิ่งขึ้นคะ
เอาละเกริ่นมาซะยาวเลย เอาเป็นว่าเริ่มจาก Tense แรกเลยละกันนะ
1. Present Simple Tense เป็น Tense ที่แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่ไม่ได้ระบุว่าจบลงหรือยัง
>>>การใช้ Present Simple Tense<<<
1.การกระทำที่เกิดขึ้น มักมีคำกริยาวิเศษณ์บอกเวลาอยู่ในประโยคด้วยเสมอ เช่น
I get up at six o'clock every day.
ฉันตื่นนอนเวลาหกโมงเช้าทุกวัน
2. เหตุการณ์ที่เป็นจริงตลอด เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ เช่น
The sun rises in the east.
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก
The moon moves round the earth.
พระจันทร์หมุนรอบโลก
3.ใช้สำหรับวางแผนหรือตารางเวลาที่วางไว้ล่วงหน้าใกล้ๆ
Maroon5 shows in bangkok next week.
วงมารูนไฟฟ์จะมาแสดงที่กรุงเทพสัปดาห์หน้า
4.ใช้เมื่อพูดเล่าเรื่องที่ได้อ่าน ดู หรืออได้ฟังมา มักมีกริยาคำว่า say เป็นตัวอธิบาย เช่น
In the moive she says "all you need is someone to love".
ในภาพยนต์หล่อนพูดว่า "สิ่งที่คุณต้องการก็คือใครสักคนเพื่อรัก"
5. ใช้แสดงความรู้สึก มักมีกริยา see,hear,love,like,hate อยู่ในประโยคด้วย เช่น
I like Harry Potter movie very much.
ฉันชอบหนังเรื่องแฮรี่พอตเตอร์มาก
-------------------------------------------------////////////-------------------------------------------
2.Present Continuous Tense เป็น Tense ที่แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและกำลังดำเนินต่อไป
>>>การใช้ Present Continuous Tense <<<
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่พูดนั้น มักจะมีกริยาวิเศษณ์บอกเวลา now,at the moment,at this moment,at present,right now อยู่ในประโยคด้วย เช่น
I am looking for my telephone.
ฉันกำลังหาโทรศัพท์อยู่
2. ใช้กับเกตุการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วคราว เช่น
I am helping the marketing team at the moment.
ฉันลงมาช่วยงานทีมงานฝ่ายการตลาด ---->จริง ๆ แล้วอยู่ฝ่ายอื่นแต่ลงมาช่วยฝ่ายการตลาด
I am going to a wedding party next Monday.
ฉันจะไปงานเลี้ยงแต่งงานใวันจันทร์หน้า
4.ใช้เพื่อแสดงแนวโน้มของสภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไป เช่น
My handwriting is improving.
ลายมือของฉันดีขึ้นเรื่อยๆ
-------------------------------------------------////////////-------------------------------------------
3.Present Perfect Tense เป็น Tense ที่แสดงเหตุการณ์ที่เกิดโดยสมบูรณ์แบบ
>>>การใช้ Present Perfect Tense <<<
1. ใช้กับการกระทำที่เกิดในอดีตและดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน มักมีคำว่า since และ for ในประโยค เช่น
Yaya has been in the actor for two years.
ญาญ่าได้เป็นดารามากกว่า 2 ปีแล้ว (ขณะนี้ก็ยังเป็นอยู่)
2.ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอีดตแต่ยังแสดงผลให้เห็นในปัจจุบัน มักจะมีคำว่า ever,never just,already และ yet เช่น
He hasn't come yet.
เขายังไม่มาเลย (ยังรอเค้าต่อไป)
3.ใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตแต่ไม่ระบุเวลาเจาะจง เช่น
Kimberly has been to Italy.
คิมเบอรี่ได้เดินทางไปประเทศอิตาลี่
4.ใช้กับการกระทำที่เพิ่งจะจบลงไป มักมีคำวิเศษณ์ด้วย เช่น
He has just gone out.
เขาเพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เอง
-------------------------------------------------////////////-------------------------------------------
4.Present Perfect Continuous เป็น Tense ที่แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและได้ดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
>>>การใช้ Present Perfect Tense <<<
1. ใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาในอดีตและยังดำเนินไปขณะที่พูด เช่น
She has been studying in Chaina for many years.
เขาได้ไปศึกษาที่ประเทศจีนมาหลายปีแล้ว (ตอนนี้ก็ยังอยู่)
2. ใช้เพื่อเน้นระยะเวลาของเหตุการณ์ที่เพิ่งจะจบลงเมื่อสักครู่นี้ เช่น
Have you been swimming?
คุณยังคงว่ายน้ำอยู่หรือเปล่า
3.ใช้บอกเหตุการณ์นั้น ๆ ดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มักจะมีคำว่า how long,for...,since...,recently เช่น
Nick has not been feeling well recently.
นิคไม่สบายเมื่อไม่นานมานี้
-------------------------------------------------////////////-------------------------------------------
0 ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น